ส อ ท ผนึกเครือข่าย ตั้งโครงการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมไทย

ส.อ.ท. ผนึกเครือข่าย ตั้งโครงการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมไทย ” #tvstreaming #https://web.facebook.com/aecthaitvoff #http://www.aectvt1.com

วันนี้ (วันที่ 5 กันยายน 2566) สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญไทย-สหภาพยุโรป เพื่อผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียนและดำเนินงานการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility : EPR) ในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ ภายใต้โครงการ “Thai – EU Experts’ Exchange on Circular Economy and the Extended Producer Responsibility (EPR) in Packaging” ณ โรงแรม วี กรุงเทพฯ โครงการฯ ได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศ ประเทศไทยมาดำเนินงานเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีของสหภาพยุโรป รวมทั้งเพื่อนำมาสนับสนุนการจัดทำร่างกฎหมายการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR) ของไทย และยกระดับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของไทยในการส่งเสริมขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย และบรรลุเป้าหมายตามนโยบายเศรษฐกิจแบบ BCG ซึ่งประกอบด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy (BCG) ในการสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยโครงการนี้ได้ดำเนินกิจกรรมหลากหลายประเภท ซึ่งรวมถึงกิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญไทย-สหภาพยุโรปในวันนี้ที่ครอบคลุมตลอดระยะเวลา 5 วัน นายเสข วรรณเมธี เอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงานและนำเสนอว่า “ปัจจุบันความสัมพันธ์ไทย-อียู มีพลวัตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจากการลงนามกรอบความตกลงความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน (Partnership and Cooperation Agreement – PCA) เมื่อปลายปี 2565 และการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในปี 2566 ซึ่งกิจกรรมในวันนี้จะมีส่วนสำคัญในการช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างไทยกับอียูทั้งในกรอบ PCA และการเจรจา FTA รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของสถานเอกอัครราชทูตฯ ในการติดตามนโยบาย กฎระเบียบและมาตรฐานของอียูด้านสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย และแสวงหาความร่วมมือกับอียูเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับทุกภาคส่วนของไทยภายใต้เศรษฐกิจยุค ใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืน” นายอสิ ม้ามณี อธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า “ทั่วโลกรวมทั้งอียูเอง ต่างวางเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยอียูเองได้ออกระเบียบให้ประเทศสมาชิก จะต้องเข้าร่วมโครงการ EPR และปี 2573 บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดในตลาดอียูต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ หรือรีไซเคิลได้ ส่งผลให้ไทยเองก็จะต้องปรับกติกาและคาดว่า EPR ของไทยจะเป็นภาคบังคับในปี 2570 สำหรับโครงการฯ นี้ ถือว่าเข้ามาในเวลาที่เหมาะสม แต่เหลือเวลาเพียง 4 ปี เพราะฉะนั้น ประเทศไทยจะต้องเร่งให้ความรู้และเสริมการปฏิบัติให้ครอบคลุมทุกส่วนการผลิต เพราะไทย มีการส่งออกในสัดส่วนที่สูง กระทรวงการต่างประเทศมุ่งสนับสนุนการเตรียมความพร้อม และยกระดับมาตรฐานของไทย โดยเฉพาะในประเด็นสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับวันยิ่งมีผลต่อการทำธุรกิจ และการค้าระหว่างประเทศ จึงเป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีหน่วยงานทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และนักวิชาการไทย รวมทั้ง GIZ เข้าร่วมดำเนินโครงการฯ และมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก อันแสดงถึงความตื่นตัวของทุกภาคส่วนในการร่วมสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนและยกระดับขีดความ สามารถในการแข่งขันของประเทศ”


ครบจบในบัตรเดียว บัตรกดเงินสด KKP CASH CARD

✓ ฟรีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสด ✓ ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี ✓ ชำระคืนขั้นต่ำเพียง 5% ของเงินต้นรวมดอกเบี้ยหรือไม่น้อยกว่า 500 บาท ✓ รับส่วนลดร้านค้าที่มีเครื่องหมาย UnionPay ✓ สมัครง่าย เงินเดือน 10,000 บาทก็สมัครได้ สนใจคลื๊กที่ภาพ

ประกันชีวิตออนไลน์ Easy E-LIFE

ประกันชีวิต Easy E-LIFE ให้คนที่รัก พร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดคิดกับทุนประกันชีวิตหลักล้าน ด้วยเบี้ยประกันเพียงหลักพัน สนใจคลื๊กที่ภาพ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Previous post สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครนายก จัดกิจกรรมเดย์แค้มป์ โครงการอาสาสมัครกระทรวงศึกษาธิการ(อส.ศธ.) จังหวัดนครนายก ประจำปีงบประมาณ 2566
Next post เหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรปราการ จัดพิธีมอบทุนการศึกษาสงเคราะห์เด็กนักเรียนขาดแคลน ประจำปี 2566

AEC TV ONLINE STREAMING

กำลังออกอากาศ